เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๙ พ.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาเราเลือกเกิดนะ เราเลือกเกิดเองไม่ได้ แต่เราต้องเกิดไปตามกรรม เราสร้างคุณงามความดี เวลาสร้างคุณงามความดี ถ้าใจเรา คุณงามความดีทำให้ใจมันเบา พอใจมันเบาเกิดในที่สูง นี่แม้แต่ในภพของมนุษย์ก็มีสูงมีต่ำ มีสูงมีต่ำในภพของมนุษย์นะ แล้วก็มีสูงมีต่ำในพ่อแม่เดียวกัน พ่อแม่เดียวกันบางโอกาส อย่างเช่นคนเกิดลูกหัวปีพ่อแม่จะรักมาก แล้วลูกคนต่อๆ ไป นี่การเกิดในพ่อแม่เดียวกันก็ยังไม่เสมอกัน ความไม่เสมอกันเกิดโดยกรรมไง กรรมพาเกิด สิ่งที่กรรมพาเกิดเพราะเราสร้าง เราถึงต้องสร้างคุณงามความดีของเรา ในกระแสโลกนะ โลกเป็นแบบนั้น

นี่ธรรมของคฤหัสถ์ ธรรมของผู้ที่เวียนตายเวียนเกิดในโลก ก็ให้มีบุญกุศลพาเกิดพาตายไป แต่เวลาเราเกิด เราจะประพฤติปฏิบัติ เวลาเราจะประพฤติปฏิบัติเราเลือกเกิดเองได้ เราจะเกิดในที่ไหนก็ได้ เลือกเกิดในสภาวะ เกิดขึ้นมาแล้ว การเกิด คนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิด แต่เวลาจะเกิดขึ้นมานี่ต้องมีบุญกุศลถึงพาเกิด ถ้าไม่มีบุญกุศลสิ่งนี้ก็ต้องเกิด โดยสัจจะของมันมันเป็นสสารเป็นธาตุรู้ เป็นจิตวิญญาณตัวนี้ มันไม่เคยตาย มันมีสภาวะของมันเช่นนั้นตลอดไป แล้วมันก็เกิดเปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติ

ในพระไตรปิฎก ท้าวโฆษกะ ท้าวโฆษกะเทวดามาจากสุนัข สุนัขไปเกิดเป็นเทวดาก็ได้ มนุษย์เราไปเกิดเป็นสุนัขก็ได้ แล้วแต่ความพอใจ ความพึงพอใจของมัน ด้วยความหลง เพราะเราไม่เข้าใจสัจจะความจริง แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานี่ บอกว่าจิตนี้ไม่เคยตาย จิตนี้เปลี่ยนสถานะไปตลอด เราเข้าใจว่าเราเกิดเป็นมนุษย์ตายไปแล้วก็สูญหนึ่ง สองเกิดเป็นมนุษย์แล้วตายแล้วต้องเกิดเป็นมนุษย์อีกหนึ่ง มันไม่เป็นสภาวะแบบนั้นหรอก มันเกิดในไหนก็ได้

แม้แต่ในปัจจุบันนี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงธรรมไว้ มนุสสเปโต มนุษย์นี่มนุษย์เป็นเปรต ตัวเป็นมนุษย์แต่ใจเป็นเปรต มนุสสติรัจฉาโน ตัวเป็นมนุษย์แต่ใจมันเป็นเดรัจฉาน ที่ว่าสวรรค์ในอก นรกในใจ มันเป็นแบบนี้ทั้งๆ ที่เป็นมนุษย์อยู่ ดูสิดูทางโลกฆ่าพ่อฆ่าแม่ก็ได้ ทำลายใครก็ได้ อย่างนั้นมันเป็นสัตว์ไหม มันเป็นสัตว์ สัตว์โดยจิตวิญญาณ แต่ร่างมันเป็นมนุษย์

เรายังไม่เกิดไม่ตาย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็แบ่งสถานะของจิตที่ว่าสูงต่ำไว้อย่างนี้แล้ว แล้วเวลาเราเกิดเราตายไปนี่ด้วยบุญกุศลอันนี้พาเกิดพาตายไป แต่ขณะที่เราจะเกิดจตุตถกรรม ญัตติจตุตถกรรม พระเกิดขึ้นมานี่สมมุติสงฆ์ ตายจากคฤหัสถ์แล้วเกิดมาเป็นพระ เวลาพระเราสึกไป ตายจากเพศไง เพศหญิง เพศชาย เพศสมณะ สิ่งนี้เป็นสมณะเพราะประกาศตนว่าสิ่งที่เป็นสาธารณสมบัติทางโลกสละทิ้งไม่ต้องการ ถือพรหมจันทร์ สิ่งที่พรหมจันทร์จากภายนอก ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเรามีศีล พระเรานี่มีศีล มีสมาธิ แล้วก็มีปัญญา ทรงศีล ทรงสมาธิ แล้วก็ทรงปัญญา แล้วก็จะทรงธรรมไป

แต่ในทางโลก ทาน ศีล ภาวนา เพราะเราเริ่มจากทาน เพราะเราเป็นผู้แสวงหามาแล้วเอาสิ่งนี้เป็นประโยชน์ แต่พระเราไม่มีอาชีพ พระเราไม่แสวงหา ถึงให้ธรรมเป็นทาน เราแสวงหามานี่มันเป็นสิ่งที่ว่าเกิดจากแรงงานของเรา ถ้าแรงงานของเราสละสิ่งนี้ออกไป นี่มันเป็นอุบายวิธีการ ไฟฟ้าจะไปทางไหนได้ต้องมีเสาไฟฟ้า มีสายไฟฟ้าจะเอาดึงแรงงานไฟฟ้าไปใช้ประโยชน์ได้

อันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีการสละไม่มีการกระทำ แล้วหัวใจมันแปรสภาพได้อย่างไร หัวใจนี่มันเหมือนพลังงานไฟฟ้า แต่เรื่องการทำบุญกุศล ทาน ศีล ภาวนา มันเป็นสายไฟฟ้า ถ้าเราไม่ปักเสา เราไม่ปักเสาเราจะเอาไฟฟ้าไปใช้งานได้อย่างไร ถ้าเราปักเสาเราพาดสายสิ่งนี้จะเป็นไป บุญกุศลนี่ก็เหมือนกัน ทานก็เหมือนกัน สิ่งนี้เราสละออกไป แล้วหัวใจมันจะได้ประโยชน์ขึ้นมา ใจเป็นพลังงานไฟฟ้า แต่ไฟฟ้ามันเคลื่อนไปตามส่งออกใช่ไหม

แต่นี่มันพลังงานทวนกระแสย้อนกลับขึ้นมา เพราะเราสละไว้ตั้งแต่ปีไหนก็แล้วแต่ เรานึกภาพเดี๋ยวนี้สิ เป็นทิพย์ ทิพย์เพราะอะไร เพราะมันไม่เคยเสียหาย มันไม่เคยเน่าไป มันฝังลงที่ใจ สละออกมากน้อยขนาดไหนจะฝังลงที่ใจ ฝังลงที่ใจไป เห็นไหม ฝังลงที่ใจคุณงามความดีจะฝังได้ต่อเมื่อเราสละออก เริ่มต้นจากการทำทาน การทำทานพ่อแม่บังคับให้ลูกมา ลูกก็มาตามประสาพ่อแม่บังคับนั้นล่ะ แต่พ่อแม่มีศรัทธามีความเชื่อ นี่ประตูเปิดไม่เหมือนกัน ในเมื่อเจตนาเปิดกว้างขึ้นอากาศเข้าได้มากกว่า บุญกุศลเกิดจากศรัทธา เกิดจากเจตนา ถ้าเจตนาบริสุทธิ์มาก เจตนาเปิดกว้างมากนี่มันจะเข้าถึงใจได้มาก สิ่งนี้ทำให้เป็นจริตนิสัย

ถ้ามันอำนาจวาสนาบารมีจากใจดวงนั้น แล้วใจดวงนั้นมันจะเริ่มมีสิ่งที่กระทบกระเทือนใจไง กระทบกระเทือนใจเวลาเกิด สภาวธรรมเกิดอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่เกิดดับอยู่นี่เป็นสภาวะทั้งหมด คนมองเหมือนกันแต่มุมมองต่างกัน มุมมองของคนหนึ่งบอกมันเป็นธรรมชาติอันนี้ สิ่งนี้เกิดดับอย่างนี้มันก็เป็นเรื่องของมันเป็นธรรมชาติของมัน

แต่ผู้มีธรรมในหัวใจนะ เจ้าชายสิทธัตถะออกไปเที่ยวสวน เห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายนี่มันสะเทือนใจมาก โลกมีอย่างนี้ด้วยหรือ คนเราต้องเกิดต้องแก่ต้องเจ็บต้องตายด้วยหรือ แล้วเราก็ต้องเกิดต้องแก่ต้องเจ็บต้องตาย

นี่คนสร้างอำนาจวาสนามานี่เป็นพุทธภูมิ พุทธวิสัยที่จะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งนี้มันสะเทือนใจ พ่อจะบิดบังขนาดไหนนะ พระเจ้าสุทโธทนะต้องการให้เป็นจักรพรรดิ พยายามจะส่งเสริมให้มีความสุขในโลกของเขา นี่ปรนเปรอทุกอย่างในเรื่องของโลก ถ้าสิ่งในโลกนี้มีความสุขขนาดไหนเจ้าชายสิทธัตถะได้ตลอดไป คนเรามันต้องติดสิ เพราะพ่ออยากให้เป็นแบบนั้น ต้องติดในสภาวะแบบนั้น แต่เพราะไปเที่ยวสวนไปเห็นสภาวะแบบนั้น นี่เทวดามาทำให้เห็น

ในเมื่อถ้าเราสร้างบุญกุศลขึ้นมาในหัวใจ ในหัวใจมันมีอำนาจวาสนาบารมี มันเจอสภาวะแบบนี้มันสะกิดใจ มันสะเทือนใจมันสะเทือนใจอย่างนี้ นี่ธรรมะนี่กระแสนี่เป็นธรรมะ แม้แต่พระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกมันก็เป็นอนิจจัง วันเวลาก็เป็นอนิจจัง เวลาเราคุยกันอายุเราได้มากี่ปีแล้วตั้งแต่เด็ก แล้วเกิดเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็แก่ชราคร่ำคร่าไป เราได้มาๆ แต่ตามสัจจะความจริงนะ เราเสียไป เราเสียอายุมาแล้ว ๔๐ ปี เราเสียโอกาสมาแล้ว ๔๐ ปี แล้วเราเสียไปเป็น ๔๑ ปี ๔๒ ปี แล้วเราก็ต้องตายไป เพราะโอกาสของเราไม่มีไง โอกาสของเรา เห็นไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเลย ผู้ที่มีสติอยู่ในวันหนึ่ง ดีกว่าผู้ที่มีชีวิตทั้งชีวิตโดยประมาทเลินเล่อในชีวิตของเขา แม้แต่วันหนึ่งแม้แต่ระลึกหนหนึ่ง เรามีสติสัมปชัญญะกับระลึกตัวหนหนึ่ง นี่สิ่งนี้สำคัญมาก สำคัญเพราะสมบัติทั้งหมดเกิดจากใจดวงนี้ ใจดวงนี้สร้างบุญกุศลขนาดไหนก็ใจดวงนี้เป็นผู้รับ เรามีทรัพย์สมบัติขนาดไหน เราสละออกไป สิ่งนั้นมันเป็นสายไฟฟ้า มันเป็นสิ่งนั้นออกไป แต่ตัวพลังงานสิ ตัวพลังงานคือตัวใจมันได้รับสิ่งนี้มาตลอด มันสะสมลงที่นี่ ถ้ามันสะสมลงที่นี่ นี่สมบัติของใจได้สะสมลงที่นี่

แล้วเวลาเราเกิดมานี่ ผู้ที่จะประพฤติปฏิบัติ แล้วทำไมมันยังทุกข์ยากอยู่ล่ะ มันทุกข์ยากเพราะมันมีกิเลส กิเลสมันคือความเคยใจ ใจดวงใดก็แล้วแต่มุมมองของใจจะไม่เหมือนกัน จริตนิสัยของใจจะไม่เหมือนกัน มันชอบสิ่งใดไม่เหมือนกัน คนเราเล่น เล่นสิ่งต่างๆ คนเขาเล่นที่ว่าเขาเล่นกันทางโลก เล่นรถเล่นรา คนชอบสิ่งใดเขาจะเล่นสิ่งนั้น แต่คนที่ไม่เล่นว่าพวกนี้มีสติหรือเปล่า เขาเสียเวลาไปอยู่กับนั้น ทำไมต้องไปรักษาขนาดนั้น ถ้าคนเล่นมันจะรักมาก แล้วมันจะสะเทือนใจมากถ้าสิ่งนั้นหลุดพลัดพรากไปจากใจแล้วมันจะสะเทือนใจมาก แต่ถ้าคนไม่เล่นของเขานี่ สิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับดวงใจนั้นเลย นั้นเป็นเพราะจริตนิสัย เพราะเขาชอบของเขา

นี่ใจก็เหมือนกัน กิเลสมันอยู่ในหัวใจมันมียางเหนียวอย่างนี้ ถ้ามันชำระขึ้นมาความบริสุทธิ์เหมือนกัน ถ้าความบริสุทธิ์เหมือนกัน มันการติดต่างๆ จริตนิสัยไม่เหมือนกัน แต่ความบริสุทธิ์จุดยืนของใจ คือภาวาสวะ คือเรื่องของใจเหมือนกัน ตัวใจนี้ตัวเกิดดับเหมือนกัน ตัวเกิดดับนะ เราเห็นสภาวะความเกิดดับ เราเข้าใจเรื่องการเกิดดับแต่เราไม่เห็นสถานะที่มารองรับ ภวาสวะคือภพ คือฐีติจิต ตัวนี้ตัวที่ว่าเราทำสัมมาสมาธิเข้าไปนี่ ตัวนี้คือตัวพลังงาน ตัวใจตัวนี้ที่มันไม่เคยตายเลย มันจะไม่เคยตาย มันจะแปรสภาพของมันตลอดไป แล้วเราเข้าไปทำตรงนี้ให้มันสะอาดขึ้นมา

ถึงบอกนิพพานมี ถึงจะเป็นวิมุตติสุขมันมีอยู่ เขาว่านิพพานสูญ สูญแบบมี ความมีสถานะแบบนี้ ถ้ามันเป็นยางเหนียว ความสะอาดบริสุทธิ์อยู่ตรงนี้ ถ้าตรงนี้ยังมียางเหนียวอยู่มันติดตัวมันเองก่อน นี่เหยื่อ เหยื่อเพราะความรักความพอใจของมัน ความพอใจของมันอาลัยอาวรณ์ตัวนี้ ถ้าพลัดพรากจากสิ่งสมบัติข้างนอกมันจะอาลัยอาวรณ์ตัวของมัน แต่เข้าไปถึงจุดนี้มันจะอาลัยอาวรณ์ตัวมัน มันอาลัยอาวรณ์ตัวมัน มันก็ติดตัวมันเอง นี่เหยื่ออย่างละเอียดที่แทบมองไม่เห็นเลย แล้วก็เกาะเกี่ยวกับรูป รส กลิ่น เสียง เกาะเกี่ยวกับสมบัติต่างๆ เป็นเหยื่อทั้งหมด แล้วเราก็แสวงหาสิ่งนั้น

แล้วเวลาเราก็พลาดไป ๔๐ ปี ๔๑ ปี นี่โอกาสเราเสียไปๆ เราได้อายุยืนมา คนนับอายุกันว่าฉันมีอายุมากกว่าฉันมีอายุน้อยกว่า อาวุโสมากอาวุโสน้อยกว่าตามแต่เขาว่า แต่ถ้าตามสัจจะความจริงเขาประมาทกับชีวิตมาตลอดนะ ถ้าเขามีสติ เขายับยั้งใจของเขา เขาพยายามดูใจของเขา นี่หนึ่งชั่วลมหายใจเข้าและลมหายใจออก เขาจะเป็นคนที่ประเสริฐมาก ประเสริฐเพราะอะไร เพราะหัวใจมันหยุดนิ่ง หัวใจมันหยุดของตัวมันเองมันไม่ไปเกาะเกี่ยวสิ่งใด มันจะเป็นอิสระนะ

ถ้าเราทำสัมมาสมาธิเกิดขึ้นมานี่ มันจะมีความสุขมาก สุขเพราะเราปลดสัมภาระของเราที่มันแบกหามเท่านั้น เราแบกหามสิ่งใดหนักมาก แล้วเราปลดสัมภาระนี่สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิมันมียางเหนียวของมันในตัวมันเอง จิตนี้ฐีติจิตนี้มันเป็นอวิชชา มันรู้เหมือนไม่รู้ เวลาฟังเทศน์อ่านหนังสือรู้ไปหมดเลย แต่เหมือนไม่รู้ รู้เข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ นี่อวิชชาเป็นอย่างนั้น รู้เหมือนไม่รู้ ไม่รู้เหมือนรู้

แต่วิชาไม่เป็นอย่างนั้น วิชาจะแจ้งแทงตลอด ภาวนามยปัญญาจะแทงเข้าไปที่หัวใจ จะทำลายใจดวงนั้น จะกระจ่างแจ้ง วิชาไง ไม่ใช่อวิชชา รู้แบบไม่รู้นี่เป็นอวิชชา รู้เหมือนกัน ฟังนี่เข้าใจ ฟังเทศน์ทีไรซ้ำๆ ซากๆ ฟังทุกวันอย่างนี้ทุกวันเลย อาจารย์ก็เทศน์อย่างนี้แล้วก็ฟังมาทุกวันเลย เหมือนรู้แต่แก้อะไรไม่ได้เลย เหมือนรู้แต่ไม่รู้จัก แต่ถ้าเราวิปัสสนาของเราขึ้นมา ภาวนามยปัญญาเกิดขึ้นมาจากหัวใจ มันทำลายใจของมันเอง

สมบัติส่วนตน วิชาของเรา ธรรมะของเราเกิดขึ้นมานี่ ความสะอาดๆ อย่างนี้ ความบริสุทธิ์ๆ อย่างนี้อยู่ในใจของเรา นี้ถึงสำคัญที่สุด อย่างนี้เลือกเกิดได้ เลือกเกิดเพราะเราฝืน เราฝืนกระแสโลกแล้วประพฤติปฏิบัติ แต่เกิดตามกรรม เกิดจากชีวิตเกิดเป็นภพเกิดเป็นมนุษย์นี่เลือกเกิดไม่ได้ เพราะอำนาจวาสนาเรื่องแต่การบุญกุศลสร้างเกิด แต่ปัจจุบันนี่เราจะเลือกเกิดเป็นนักปฏิบัติก็ได้ เราจะเลือกเกิดจากที่ว่าใจเกิดในธรรมก็ได้ แล้วใจนี่เป็นธรรมทั้งแท่งก็ได้ เราเลือกของเราเอง แล้วเรามีมุมานะของเราเอง เราทำของเราเองจะประสบความสำเร็จ เอวัง